มีข้อกล่าวหามากมายเกี่ยวกับช็อกโกแลต อีกทั้งความเชื่อผิดๆ ที่ว่าช็อกโกแลตเป็นบ่อเกิดของสิว
เพราะจริงๆ แล้วการเกิดสิวนั้น ไม่มีผลมาจากการรับประทานอาหารชนิดใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ช็อกโกแลตมีคาเฟอีนนั้น จริงๆ แล้ว มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นค่ะ
โดยอัตราส่วนช็อกโกแลต 1.4 ออนซ์ จะมีคาเฟอีนแทรกอยู่เพียง 6 มิลลิกรัม
ซึ่งเท่ากับจำนวนของ คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟแบบดีแคฟค่ะ
และสำหรับไวท์ ช็อกโกแลตนั้น ไม่มีคาเฟอีนอยู่เลยค่ะ
โดยรวมๆ แล้ว ช็อกโกแลตสามารถเรียกได้ว่า เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างดีทีเดียวนะคะ
เพราะในต่างประเทศ ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง
และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจค่ะ เพราะในตัวช็อกโกแลตนั้น มีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูง
ฟีโนลิค เป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดค่ะ
ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วยหล่ะค่ะ
สาวๆ คะ กรุณาอย่าข้ามย่อหน้านี้ค่ะ
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ช็อกโกแลตมักมีเอี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่เพียง การมอบช็อกโกแลตให้กัน ในวันวาเลนไทน์เท่านั้น แต่มีเรื่องเล่าขานกันมาว่า
นายมองเตชูมา นักรบผู้พิชิตแห่งเสปน มักจะดื่มช็อกโกแลตเป็นประจำเสมอ ก่อนไปหาเหล่าภรรยา(หลายคน) ของเขาค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก อย่างที่บอกยังไงล่ะคะ
เพราะในช็อกโกแลตมีสารกระตุ้น ที่มีผลต่อหัวใจ และระบบประสาท
เมื่อรับประทานช็อกโกแลต หัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึก hyper บางทีรู้สึกคึกคัก อยากกระโดดโลดเต้น
อาจจะมึนนิดๆ นี่แหละค่ะ เป็นตัวที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ปรารถนา ที่ค้างคาอยู่ให้โหมขึ้นไงล่ะคะ
อีกทั้งเคยมีคนพูดว่า อารมณ์ตอนทานช็อกโกแลตนั้น เหมือนอารมณ์ตอนตกหลุมรักค่ะ
เพราะร่างกายเราจะหลั่งสารชนิดเดียวกันออกมา
มีข้อต่างกันก็ตรงที่ เราหาซื้อความรักไม่ได้ แต่เราสามารถหาซื้อช็อกโกแลตได้ ถ้ามีร้านค้าอยู่ใกล้ๆ ค่ะ